วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559

เทคโนโลยีการศึกษา

ใช้เทคโนโลยีสร้าง "การคิดวิเคราะห์"

 
 เนื่องจากสอนนักเรียนหลายวิชา ตั้งแต่วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับม.2 และ ม.3 วิชาชีววิทยา สำหรับ ม.4 และ ม.5 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ .....
 เปิดหัวเรื่องแบบนี้ไม่เว่อร์เกินจริง เพราะ “ครูเชาวน์ สุวรรณชล” ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2-6 ได้ลองใช้เทคโนโลยีสร้าง “การคิดวิเคราะห์” ให้กับนักเรียนมาแล้วและได้ผลดี “ครูเชาวน์ สุวรรณชล” ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2-6โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 10 ของครูที่ชนะเลิศการนำเสนอผลงานทางวิชาการในการประกวด Microsoft Innovative Education (MIE) Expert ของประเทศไทยประจำปี ค.ศ.2014 และได้เข้าเฝ้าฯ เพื่อรับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมทั้งเป็นตัวแทนครูจากประเทศไทยเข้าร่วมเวทีด้านการศึกษาระดับโลก Microsoft Global Educator Exchange หรือเวทีแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเทคโนโลยีด้านการศึกษา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 เม.ย.-1 พ.ค.58 เมืองเรดมอนด์ รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีคุณครู 300 คนจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน “ครูเชาวน์” เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในเรื่องการเรียนการสอนว่า เนื่องจากสอนนักเรียนหลายวิชา ตั้งแต่วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับม.2 และ ม.3 วิชาชีววิทยา สำหรับ ม.4 และ ม.5 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ซึ่งในแต่ละวิชาพบปัญหาว่า นักเรียนขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การทำงานร่วมกัน การสื่อสารและการนำเสนอข้อมูล ทักษะการใช้เทคโนโลยี ตลอดจนการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน 3 ตัวที่ “ครูเชาวน์” หยิบมาสอนนักเรียนเพื่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์ ได้แก่ Microsoft PowerPoint โดยให้นักเรียนทำ Infographic เพื่อเพิ่มทักษะการสืบค้นและการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งผลที่ได้ พบว่า นักเรียนได้ประโยชน์เรื่องของการสืบค้นข้อมูล ได้ทำความเข้าใจในเรื่องที่สืบค้น แล้ววิเคราะห์ข้อมูลออกมาเพื่อนำเสนอ Microsoft OneNote โปรแกรมพื้นฐานที่มาพร้อมกับชุดโปรแกรมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ ช่วยในการจัดวางไฟล์ เช่น Microsoft word, Microsoft PowerPoint, Microsoft Excel รวมทั้งไฟล์รูป และไฟล์ PDF สุดท้ายคือ Sway.com เว็บแอพพลิเคชั่น เพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ด้วยตนเอง ซึ่ง “ครูเชาวน์” สอนให้นักเรียนนำ Porfolio ที่ทำมานำเสนอผ่านเว็บแอพพลิเคชั่นนี้ ข้อดีคือสามารถเปิดดูผ่านอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ได้ และสามารถแชร์ข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และยูทูบ เพื่อให้อาจารย์เข้าไปตรวจงานได้ “เมื่อเราทำให้เขาอยากเรียนรู้ เขาก็จะแสวงหาความรู้ โดยพบว่านักเรียนที่ได้ทำแบบนี้มีผลการเรียนดีขึ้น เมื่อเทียบกับนักเรียนที่ไม่ได้ทำ และเมื่อนักเรียนได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อเรียนรู้และนำไปสู่การคิดวิเคราะห์แล้วก็สามารถนำไปใช้กับวิชาอื่น ๆ ได้ ซึ่งการที่จะให้นักเรียนทำแบบนี้ต้องมีความพอเหมาะพอดีไม่ได้ให้ทำในทุกคาบเรียน” ครูเชาวน์ กล่าว ครูเชาวน์ แนะเทคนิคที่ทำให้นักเรียนสนใจที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีว่า ต้องนำเทคโนโลยีที่ง่าย ๆ มาให้นักเรียนได้ลองใช้ เพื่อให้สามารถทำได้ และเมื่อทำได้ก็จะรู้สึกสนุกและอยากที่จะทำ นายสมศักดิ์ มุกดาวรรณกร ผู้อำนวยการฝ่ายภาครัฐและการศึกษา บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับไมโครซอฟท์แล้ว ครูเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาการศึกษา โดยมีแนวคิดแบบองค์รวมในการปฏิรูปการศึกษาเพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบ คือ ความพร้อมของบุคลากร เนื้อหาการเรียนการสอนแบบดิจิตอล ซอฟต์แวร์และบริการคลาวด์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องเรียน โดยตลอด 11 ปีที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาบุคลากรด้านการศึกษาผ่านโครงการ Partners in Learning (PiL) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft Innovative Education (MIE) Expert (กิจกรรมการแข่งขันคุณครูหัวใจไอที) ไปแล้วกว่า 550,000 คน จาก 39,000 โรงเรียนทั่วประเทศ “วันนี้เรามีครูยุคใหม่ที่มีกิจกรรมเพื่อการเรียนการสอนมากขึ้น และเด็กนักเรียนก็มีความคาดหวังต่อการเรียนสูงขึ้น ซึ่งไมโครซอฟท์ก็พยายามสอนให้ครูทำสื่อการเรียนการสอนแบบดิจิตอลมากขึ้น” ดร.สุพจน์ ศรีนุตพงษ์ ผู้อำนวยการโครงการภาครัฐ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีครูรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาทดแทนครูที่เกษียณอายุไป ทำให้เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการเรียนการสอน เนื่องจากครูรุ่นใหม่เปิดรับเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น และเด็กนักเรียนก็เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี ซึ่งไมโครซอฟท์ช่วยอบรมให้ครูนำเทคโนโลยีไปพัฒนาสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้เด็กนักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ เพราะเป็นเทรนด์การเรียนการสอนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีทำให้ข้อมูลมีความสดใหม่ตลอดเวลา “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ว่าครูไทยมีคุณภาพไม่แพ้ครูทั่วโลก เพียงแต่ต้องมีการส่งเสริมเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ทักษะด้านไอที และการประยุกต์เพื่อนำไปใช้งาน” สำหรับเวที Microsoft Global Educator Exchange ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดร.สุพจน์ กล่าวว่า ในงานจะเป็นการแชร์ข้อมูลของสื่อการเรียนการสอนที่คุณครู 300 คนตัวแทนประเทศต่าง ๆ นำมาจัดแสดง โดยมีคณะกรรมการร่วมพูดคุยเพื่อคัดเลือกสื่อการเรียนการสอนที่จะได้รับรางวัล ซึ่งสื่อการเรียนการสอนของ “ครูเชาวน์” มีความโดดเด่นในการนำไอทีมาเสริมเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ มาลุ้นกันว่าการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างการคิดวิเคราะห์ให้เด็กนักเรียนของ “ครูเชาวน์” จะเข้าตากรรมการจนคว้ารางวัลการนำไอทีมาใช้ประโยชน์ด้านการศึกษา จากเวทีการแสดงผลงานด้านการศึกษาของไมโครซอฟท์ระดับโลกได้หรือไม่. น้ำเพชร จันทา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-73748-ใช้เทคโนโลยีสร้าง-การคิด
วิเคราะห์-.html






ความหมายสำคัญของมาตรฐานวิชาชีพครู

ความหมายของมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา

 มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะและคุณภาพที่พึงประสงค์ในการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดคุณภาพในการประกอบวิชาชีพ สามารถสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้แก่ผู้รับบริการจากวิชาชีพได้ว่าเป็นบริการที่มีคุณภาพ ตอบสังคมได้ว่าการที่กฎหมายให้ความสำคัญกับวิชาชีพทางการศึกษา และกำหนดให้เป็นวิชาชีพควบคุมนั้น เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่มีลักษณะเฉพาะ ต้องใช้ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญในการประกอบวิชาชีพ ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 49 กำหนดให้มีมาตรฐานวิชาชีพ 3 ด้าน ประกอบด้วย
 1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายถึง ข้อกำหนดสำหรับผู้ที่จะเข้ามาประกอบวิชาชีพ จะต้องมีความรู้และมีประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอที่จะประกอบวิชาชีพจึงจะสามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์พร้อมที่จะประกอบวิชาชีพทางการศึกษาได้
2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในวิชาชีพ ให้เกิดผลเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด พร้อมกับมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความชำนาญในการประกอบวิชาชีพ ทั้งความชำนาญเฉพาะด้านและความชำนาญตามระดับคุณภาพของมาตรฐานการปฏิบัติงาน หรืออย่างน้อยจะต้องมีการพัฒนาตามเกณฑ์ที่กำหนดว่ามีความรู้ความสามารถ และความชำนาญเพียงพอที่จะดำรงสถานภาพของการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพต่อไปได้หรือไม่ นั่นก็คือการกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องต่อใบอนุญาตทุก ๆ 5 ปี
 3. มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประพฤติตนของผู้ประกอบวิชาชีพ โดยมีจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นแนวทางและข้อพึงระวังในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียง ฐานะ เกียรติ และศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ตามแบบแผนพฤติกรรม ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพที่คุรุสภาจะกำหนดเป็นข้อบังคับต่อไป หากผู้ประกอบวิชาชีพผู้ใดประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นจนได้รับการร้องเรียนถึงคุรุสภาแล้ว ผู้นั้นอาจถูกคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) ยกข้อกล่าวหา (2) ตักเตือน (3) ภาคทัณฑ์ (4) พักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 5 ปี (5) เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (มาตรา 54) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการคุรุสภาในคราวประชุมครั้งที่ 5/2548 วันที่ 21 มีนาคม 2548 และที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ครั้งที่ 6/2548 วันที่ 18 เมษายน 2548 ได้อนุมัติให้ออกข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นที่เรียบร้อยแล้วมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญของผู้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งจะต้องประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลดีต่อผู้รับบริการ อันถือเป็นเป้าหมายหลักของการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องศึกษาเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ให้สามารถ นำไปใช้ในการประกอบวิชาชีพให้สมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูงและได้รับการยอมรับยกย่องจากสังคม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-30415-ความหมายของมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา.

                                                




ข่าววิชาชีพครู

alt
          ด้วยบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กำหนดเปิดรับสมัครนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (ภาคพิเศษ) ประจำภาคเรียนที่ 1/2558 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. รายละเอียดการรับสมัคร     
     จำนวนที่รับสมัคร 120 คน

2. กำหนดการรับสมัคร
     สมัครด้วยตนเอง                                25 มิถุนายน - 20 กรกฎาคม 2558
     ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบคัดเลือก        27 กรกฎราคม 2558
     สอบคัดเลือก                                    1 สิงหาคม 2558
     ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา             8 สิงหาคม 2558
     รายงานตัว ปฐมนิเทศ                        15 สิงหาคม 2558
     เปิดเรียน                                        22 สิงหาคม 2558

3.คุณสมบัติของผู้สมัคร
     3.1 สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไปจากในประเทศหรือต่างประเทศที่ไม่มีคุณวุฒิครู ซึ่ง ก.พ.รับรอง
     3.2มีรายชื่ออยู่ในการสํารวจของต้นสังกัด ที่ต้นสังกัดแจ้งต่อคุรุสภาไว้แล้ว ดังนี้
         1.สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
         2.สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
         3.สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
         4.สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
         5.สํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
         6.สํานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
         7.สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
         8.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
         9.สํานักการศึกษากรุงเทพมหานคร
         10.โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
         11.สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
        12.กองบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน

4.วิธีการสมัครและชําระเงินค่าสมัครสมัครด้วยตนเอง โดยมีขั้นตอน ดังนี้
     4.1 ผู้สมัครสามารถดูรายละเอียดการสมัครและระเบียบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาได้จากเว็บไซต์ http://www.graduate.sru.ac.th หรือ http://www.reg.sru.ac.th
     4.2 ผู้สมัครสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้จากเว็บไซต์ http://www.graduate.sru.ac.thหรือ http://www.reg.sru.ac.th และกรอกข้อมูลในใบสมัครให้ครบถ้วน พร้อมหลักฐานแนบตามที่กําหนด ในใบประกาศรับสมัครให้ครบถ้วน โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเอง ณ สํานักงานบัณฑิตวิทยาลัย อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตําบลขุนทะเล อําเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร ธานี ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน -20 กรกฎาคม 2558 เวลา 09.00 -15.00 น. (ทุกวันยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 077-355470
     4.3 ผู้สมัครชําระเงินค่าสมัคร เป็นเงิน 600 บาท
     4.4 เงินค่าสมัครสอบจะไม่คืนให้ทุกกรณี

5. หลักฐานการสมัคร     
     ผู้สมัครต้องนําหลักฐานแนบพร้อมรับรองสําเนาถูกต้องทุกฉบับ มายื่นในวันสมัคร จํานวน 2 ชุด ดังนี้
     5.1 รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จํานวน 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
     5.2 สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน
     5.3สําเนาทะเบียนบ้าน
     5.4สำเนาวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี (ทรานสคริปฉบับสําเร็จการศึกษา + หนังสือรับรองคุณวุฒิ/ใบปริญญา)

6. อัตราค่าเล่าเรียน เหมาจ่ายตลอดหลักสูตร เป็นเงิน 35,000 บาท โดยแบ่งจ่าย ดังนี้
     6.1ภาคเรียนที่ 1/2558เป็นเงิน 15,000 บาท
     6.2ภาคเรียนที่ 2/2558เป็นเงิน 15,000 บาท
     6.3ภาคเรียนที่ 1/2559เป็นเงิน 5,000 บาท

7.การสอบคัดเลือกเข้าศึกษา
     7.1สอบข้อเขียนวัดแววความเป็นครู เวลา 09.00 -12.00 น. ณ ห้อง GA101 และห้อง  GA104ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี7.2สอบสัมภาษณ์ เวลา 13.00 -16.00 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีผู้สมัครจะต้องเข้าสอบตามวันเวลาที่กําหนด โดยเตรียมหลักฐาน และอุปกรณ์ที่ต้องนํามา ในวันสอบ ดังนี้
          1)บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรประจําตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ ซึ่งมีรูปถ่าย ลายมือชื่อ และเลขประจําตัวประชาชน 13 หลักระบุชัดเจนเท่านั้น
          2)หลักฐานแสดงการชําระเงิน

8.การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบและประกาศผลผู้ผ่านการสอบคัดเลือก
     8.1ประกาศผลทางเว็บไซต์บัณฑิตวิทยาลัย http://www.graduate.sru.ac.th
     8.2ประกาศผลทางเว็บไซต์บริการการศึกษา http://www.reg.sru.ac.th
     8.3สํานักงานบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

9. การรายงานตัวและปฐมนิเทศ
     9.1วัน เวลา และสถานที่รายงานตัว ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีรายงานตัว วันที่ 15สิงหาคม 2558 ณ ห้อง GA103 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา บัณฑิตวิทยาลัย เวลา 09.00 - 12.00 น.
     9.2หลักฐานการรายงานตัว1)สําเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript)2)สําเนาใบรับรองคุณวุฒิ หรือสําเนาใบปริญญาบัตร3)หลักฐานอื่น ๆที่มีการเปลี่ยนแปลงจากการสมัคร

10. ระยะเวลาการศึกษา
     จัดการเรียนการสอนตลอดหลักสูตร 3 ภาคเรียน

11. การจัดการเรียนการสอน

     จัดการเรียนการสอนวันเสาร์ -อาทิตย์